ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1074 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1178 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5261 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5366 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.71 เยน เทียบกับระดับ 119.69 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9629 ฟรังก์ จาก 0.9611 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7820 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7822 ดอลลาร์
ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่ง โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีภาคบริการในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแตะ 56.9 จาก 56.7 ในเดือนม.ค. และสูงกว่าคาดการณ์ที่ 56.5
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของมาร์กิตแสดงให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐในเดือนก.พ.พุ่งขึ้นแตะ 57.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จาก 54.2 ในเดือนม.ค. โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคบริการมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็จับตาดูข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนก.พ.ที่จะมีการรายงานในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินภาพรวมเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน หลังจากที่ผลการสำรวจของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 212,000 รายในเดือนก.พ. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 220,000 ราย
ส่วนสกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปีเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจะมีการหารือถึงรายละเอียดของโครงการซื้อพันธบัตรวงเงินรวม 1.1 ล้านล้านยูโร
ในการประชุมเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ECB ประกาศซื้อพันธบัตรจำนวน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน จนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค. ขณะนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ออกแถลงการณ์ระบุว่า ECB จะซื้อพันธบัตรดังกล่าวจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2% ในระยะกลาง โดย ECB จะซื้อพันธบัตรของรัฐบาลหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงกรีซ