ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1027 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1074 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5238 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5261 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.16 เยน เทียบกับระดับ 119.71 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9747 ฟรังก์ จาก 0.9629 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7774 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7820 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น เนื่องจากข้อมูลจ้างงานที่มีแนวโน้มสดใสได้กระตุ้นกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 240,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลง สู่ระดับ 5.6%
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 257,000 รายในเดือนม.ค. จากระดับ 329,000 รายในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 5.7% จาก 5.6% ในเดือนธ.ค.
ตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค.ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย
ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนแรงลง หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ว่า ECB จะเริ่มต้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวันที่ 9 มี.ค. และหวังว่าการอัดฉีดเม็ดเงินดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน และหนุนอัตราเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน นายดรากีได้เปิดช่องสำหรับ ECB ที่จะซื้อพันธบัตรต่อไปเกินกว่าเดือนก.ย.ปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กำหนดไว้เดิม โดยระบุว่า ECB จะซื้อพันธบัตรถึงเดือนก.ย.ปีหน้า หรือจนกว่าอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของ ECB
ทั้งนี้ นายดรากีได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าว หลังจากที่ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.05% ตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้