ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0535 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0699 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 14934 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5073 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.51 เยน เทียบกับระดับ 121.10 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0102 ฟรังก์ จาก 0.9988 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7578 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7617 ดอลลาร์
สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะ 1.0536 ดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนเม.ย.2546 ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่าการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางของสหรัฐและยุโรปมีส่วนสำคัญที่ส่งผลให้มีการร่วงลงดังกล่าว
ECB ได้เริ่มโครงการซื้อพันธบัตรจำนวน 60 ล้านยูโรต่อเดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันภาวะเงินฝืดและเพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจของยูโรโซนด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากขึ้นเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง
ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐได้ช่วยหนุนคาดการณ์ของตลาดที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางปีนี้ โดยเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีกำหนดจะประชุมกันในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดกันว่าจะมีการส่งสัญญาณมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ
ทั้งนี้ ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดการปรับตัวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักนั้น พุ่งขึ้น 1.16% แตะ 99.763 ในการซื้อขายช่วงท้ายของวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี