ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0744 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0600 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.4863 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4754 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.69 เยน เทียบกับระดับ 121.39 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9887 ฟรังก์ จาก 1.0066 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7724 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7626 ดอลลาร์
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดได้ลงมติในการประชุมเมื่อวานนี้ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่อไป ขณะที่เปิดโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี แต่ก็แสดงเหตุผลให้เห็นว่าเฟดยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ แถลงการณ์เฟดได้ยกเลิกการใช้คำว่า "อดทน" ในการพิจารณากำหนดเวลาสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้เน้นย้ำในการแถลงข่าวว่า “เราเพียงแค่ตัดคำว่า ‘อดทน’ ออกจากแถลงการณ์ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีความอดทน"
นอกจากนี้ เฟดยังตั้งข้อสังเกตว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้ลดลงไปบ้างนับตั้งแต่เดือนม.ค. และเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.3-2.7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนธ.ค.ที่ 2.6%-3.0%
เฟดระบุว่า จะมีความเหมาะสมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นต่อไป และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็ต่อเมื่อเฟดมีความเชื่อมั่นว่าภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำในขณะนี้กำลังจะปรับตัวกลับสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด
“คณะกรรมการได้พิจารณาว่าการปรับเพิ่มช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นนั้นยังไม่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนเม.ย." เฟดระบุ