ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0638 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0744 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4714 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4863 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.96 เยน เทียบกับระดับ 120.69 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9911 ฟรังก์ จาก 0.9887 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7624 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7724 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงหนักจากท่าทีที่ระมัดระวังของเฟดในการปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าแถลงการณ์ของเฟดได้ยกเลิกการใช้คำว่า "อดทน" ในการพิจารณากำหนดเวลาสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ เฟดยังตั้งข้อสังเกตว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้ลดลงไปบ้างนับตั้งแต่เดือนม.ค. และระบุว่า “การปรับเพิ่มช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังไม่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนเม.ย."
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อคืนนี้ออกมาในทิศทางที่แตกต่างกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงที่สุดในรอบกว่า 2 ปีในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว อันเนื่องจากการส่งออกที่ทรุดตัวลง กระทรวงระบุว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น 14.7% สู่ระดับ 1.135 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 จากระดับ 9.89 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค. เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 291,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะอยู่ที่ระดับ 292,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วน Conference Board เปิดเผยว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 121.4 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% และ 0.4% ในเดือนม.ค.และธ.ค.ตามลำดับ