ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0742 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0823 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.4845 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4815 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.95 เยน เทียบกับระดับ 120.16 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9723 ฟรังก์ จาก 0.9676 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7612 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7652 ดอลลาร์
ยูโรร่วงลง 11% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นไตรมาสที่ร่วงหนักที่สุดในรอบ 15 ปี โดยได้รับแรงกดดันจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE วงเงิน 1.1 ล้านล้านยูโรของ ECB ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนมี.ค และจากความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับหนี้สินของกรีซ
ขณะเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดการปรับตัวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบ 6 สกุลเงินหลักนั้น ปรับขึ้น 9% นับตั้งแต่เดอนมี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 7 ปี จากแรงหนุนของกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ภายในปีนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อคืนนี้เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐโดยรวมออกมาในเชิงบวก
ผลสำรวจของ Conference Board บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค.จากมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงานและรายได้ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งขึ้นสู่ระดับ 101.3 ในเดือนมี.ค. เทียบกับ 98.8 ในเดือนก.พ. ขณะที่ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ระดับ 96.8 ในเดือนมี.ค.
ทางด้านสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านในสหรัฐขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนม.ค. โดยดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 4.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งดีกว่า 4.4% ในเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนีราคาบ้านใน 10 เมืองของสหรัฐในเดือนมี.ค. ปรับขึ้น 4.4% เทียบรายปี หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 4.3% ในเดือนธ.ค.
ส่วนสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกในเดือนมี.ค.ขยับขึ้นสู่ระดับ 46.3 จากระดับ 45.8 ในเดือนก.พ.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2552 และอยู่ในภาวะหดตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน