ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1356 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1220 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5744 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5676 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.13 เยน เทียบกับระดับ 119.89 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9168 ฟรังก์ จาก 0.9286 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8101 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7991 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนเม.ย. ที่ระดับ 4.368 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย.
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 10 เดือน และสวนทางกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าดัชนีราคานำเข้าในเดือนเม.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.3%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังระบุว่า ดัชนีราคาส่งออกร่วงลง 0.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าเฟดอาจเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป อันเนื่องมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังในช่วงที่ผ่านมา