ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1461 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1399 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5725 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5770 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.29 เยน เทียบกับระดับ 119.22 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9144 ฟรังก์ จาก 0.9129 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8047 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8069 ดอลลาร์
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐในช่วงที่ผ่านมายังคงเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์ และจะส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดในการที่จะปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ
เฟดเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงเป็นเดือนที่ 5 หลังจากปรับตัวลง 0.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของภาคเหมืองแร่และสาธารณูปโภค
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเม.ย.ปรับตัวลงสู่ระดับ 78.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ในปีที่แล้ว จาก 78.6% ในเดือนม.ค.
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นของเดือนพ.ค.ลดลงมากกว่าคาด สู่ระดับ 88.6 จากตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 95.9 ในเดือนเม.ย. โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 96.0 ในเดือนพ.ค.