ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0890 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0872 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5341 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5387 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.84 เยน เทียบกับระดับ 123.05 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9512 ฟรังก์ จาก 0.9527 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7724 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7733 ดอลลาร์
ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่งเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบยูโร ท่ามกลางการปรับตัวดีขึ้นของวิกฤตหนี้กรีซ
ยูโรได้รับแรงหนุน หลังจากนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราสของกรีซ ระบุว่าการหารือกับเจ้าหนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายสู่การบรรลุข้อตกลงในเชิงบวก ขณะที่รัฐบาลกรีซเปิดเผยว่ากรีซกำลังเริ่มร่างข้อตกลงกับบรรดาเจ้าหนี้
ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังกระเตื้องขึ้น และช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
การปรับตัวของดอลลาร์ยังคงสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ที่ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงปรับตัวดีขึ้นตามคาด ก็จะมีความเหมาะสมที่จะเริ่มดำเนินการขั้นแรกในการปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปีนี้