ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1250 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1165 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5314 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5352 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 124.35 เยน เทียบกับระดับ 124.06 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9357 ฟรังก์ จาก 0.9323 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7770 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7775 ดอลลาร์
ยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ยืนยันว่าเศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่ระบุว่า ECB พร้อมจะดำเนินการมากขึ้นเพื่อหนุนเศรษฐกิจ หากจำเป็น
ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามความคาดหมาย ขณะเดียวกัน ได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนที่ -0.20% ซึ่งหมายความว่า ธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ ECB หากมีการนำเงินมาฝากกับทาง ECB
ทั้งนี้ บรรดาเทรดเดอร์ต่างก็จับตาดูความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้สินของกรีซ ขณะที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายที่กรีซจะต้องชำระคืนเงินกู้กว่า 300 ล้านดอลลาร์แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นงวดแรกของการชำระคืนในช่วงเดือนมิ.ย.ที่มีมูลค่ารวมราว 1.6 พันล้านดอลลาร์