ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.1013 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1069 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.5361 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.32 เยน จาก 120.64 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9488 ฟรังก์ จาก 0.9452 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7441 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7426 ดอลลาร์
ประเด็นหนี้กรีซยังคงสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินยูโร ขณะที่นายดิมิทรีส มาร์ดาส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของกรีซกล่าวว่า กรีซจำเป็นจะต้องบรรลุข้อตกลงประเด็นหนี้สินกับเจ้าหนี้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้และการที่กรีซต้องออกจากยูโรโซน (Grexit)
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะพิจารณาตรวจสอบแผนการปฏิรูปของรัฐบาลกรีซ ก่อนที่จะรายงานต่อที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนในวันเสาร์ และจากนั้นผู้นำ EU จะเป็นผู้ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายว่า จะให้ความช่วยเหลือต่อกรีซหรือไม่ ในการประชุมวันอาทิตย์
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในตลาดการเงินของกรีซอย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐบาลกรีซประกาศขยายระยะเวลาการปิดทำการของธนาคารในประเทศ ตลอดจนจำกัดการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มไว้ที่ 60 ยูโรต่อวัน ต่อไปจนถึงวันจันทร์หน้า ส่วนตลาดหุ้นกรีซจะยังคงปิดทำการไปจนถึงวันที่ 13 ก.ค. หรือวันจันทร์หน้าเช่นกัน