ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0943 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0824 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5553 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5560 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.94 เยน จาก 124.30 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9580 ฟรังก์ จาก 0.9646 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7426 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7370 ดอลลาร์
นักลงทุนเข้าเทขายทำกำไร หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดรายอื่นๆ ต่างก็เน้นย้ำหลายครั้งถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้กรีซ หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันว่า กรีซได้ชำระคืนหนี้จำนวนทั้งสิ้น 6.25 พันล้านยูโรแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา