ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 121.33 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 120.68 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9630 ฟรังค์ จากระดับ 0.9653 ฟรังค์
ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1179 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.1257 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5391 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5425 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7164 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่ระบุว่า GDP ไตรมาส 2/2558 ของสหรัฐขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความพร้อมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น โดยคำกล่าวของนางเมสเตอร์ในวันนี้สอดคล้องกับมุมมองในช่วงที่ผ่านมาของเขาที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อยได้
ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งคาดการณ์เงินเฟ้อที่มีเสถียรภาพ ต่างสนับสนุนให้เงินเฟ้อดีดตัวกลับขึ้นสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% แต่หากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงร่วงลง ก็อาจทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการหนุนอัตราเงินเฟ้อสู่เป้าหมาย
นักลงทุนจับตาดูการประชุมเศรษฐกิจประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยนายสแตนเลย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมดังกล่าวในวันที่ 29 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ การประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮลถือเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างกันในหมู่นักเศรษฐศาสตร์ หลังเฟดเปิดเผยรายงานประชุมเดือนก.ค.