ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1287 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1278 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5495 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5332 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.62 เยน จาก 120.46 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9695 ฟรังก์ จาก 0.9742 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7190 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7120 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะทรงตัวในเดือนส.ค.
การปรับตัวลงของดัชนี CPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน ซึ่งร่วงลง 2%
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดที่จะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดว่าแถลงการณ์หลังการประชุมจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวแตกต่างกันและความปั่นป่วนในตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ได้สกัดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำนับเป็นปัจจัยลบสำหรับดอลลาร์ เนื่องจากจะลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูง