ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1180 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1225 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5150 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5193 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.47 เยน จาก 119.88 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9758 ฟรังก์ จาก 0.9707 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7094 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7032 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งแกร่ง แม้ว่ามีการเปิดเผยข้อมูลภาคบริการที่อ่อนแอเมื่อคืนนี้ ซึ่งตอกย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดในเดือนก.ย. โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแรงได้หนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยลบสำหรับดอลลาร์
สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 56.9 ในเดือนก.ย. จากระดับ 59 ในเดือนส.ค. โดยตัวเลขเดือนก.ย.เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หรือในรอบสามเดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงแตะที่ 57.5
ขณะเดียวกัน มาร์กิต อิโคโนมิกส์ รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 55.1 ในเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 55.6 และลดลงจากระดับ 56.1 ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดอลลาร์ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเงินเยน ท่ามกลางคาดการณ์ที่ว่า BOJ จะประกาศนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 6-7 ต.ค.นี้ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัวจากภาวะถดถอย
การผ่อนคลายนโยบายการเงินของ BOJ มีแนวโน้มจะทำให้เงินเยนอ่อนแรงลงเมื่อเทียบดอลลาร์ เนื่องจากจะลดความน่าดึงดูดใจของเยนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูง