ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1273 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1180 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5232 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5150 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.27 เยน จาก 120.47 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9670 ฟรังก์ จาก 0.9758 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7153 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7094 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ และล่าสุด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 15.6% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 4.833 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดิ่งลง และการขยายตัวที่ซบเซาในต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ยังระบุว่า การส่งออกลดลง 2% ในเดือนส.ค. สู่ 1.851 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2555 ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.2% สู่ 2.334 แสนล้านดอลลาร์
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐได้สกัดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปีนี้ โดยนักลงทุนจำนวนมากประเมินว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นปี 2559 จากเดิมที่คาดไว้ในการประชุมนโยบายเดือนธ.ค.ปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า BOJ จะคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบันไว้ต่อไป แม้ว่ามีความหวังมากขึ้นว่า BOJ จะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ซบเซา