ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1478 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1383 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5479 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5253 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 118.82 เยน จาก 119.81 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9488 ฟรังก์ จาก 0.9580 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7283 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7272 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 0.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ท่ามกลางการร่วงลงของราคาน้ำมัน และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะลดลง 0.2% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์ที่พุ่งขึ้น 1.8% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอโดยรวมได้จุดปะทุความวิตกที่ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอความแรงลง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงาน Beige Book ที่ระบุว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าได้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและภาคการผลิต
นักวิเคราะห์มองว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังในเดือนก.ย.ได้สกัดความเป็นไปได้ที่ว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไป
นางเลล เบรนาร์ด ผู้ว่าการเฟด ได้เตือนว่าแนวโน้มเงินฝืดทั่วโลกอาจจะส่งผลกระทบต่อสหรัฐมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้อุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มที่ดี แต่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงถ่วงการส่งออกและเงินเฟ้อของสหรัฐ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่างๆจากต่างประเทศมีแนวโน้มจะส่งผลให้มีแรงกดดันในช่วงขาลงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ