ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0970 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0623 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5150 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4942 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 122.36 เยน จาก 123.14 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9904 ฟรังก์ จาก 1.0185 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7347 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7303 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบยูโร เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ECB ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เลือกที่จะขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แทนที่จะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือน
ในการประชุมเมื่อวานนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะเดียวกัน ECB ยังได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
อย่างไรก็ดี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ ECB น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะมีการปรับลดลงสู่ระดับ -0.4%
ทางด้านประธาน ECB ได้ประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% ตามเป้าหมายของ ECB