ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0908 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0954 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.4872 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4814 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.85 เยน จาก 121.04 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9906 ฟรังก์ จาก 0.9877 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7241 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7227 ดอลลาร์
ยูโรอ่อนแรงลงจากคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อต้นเดือนนี้ ECB ได้ประกาศผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อพยายามกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยูโรโซน แต่นักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซาของภูมิภาค
ดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดมีการซื้อขายเบาบางก่อนช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 490,000 ยูนิต และหากเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.1%
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า รายได้ส่วนบุคคลในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน จากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของค่าแรง
นอกจากนี้ กระทรวงยังเปิดเผยว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. หลังจากทรงตัวในเดือนต.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนธ.ค.ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 92.6 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนธ.ค.จะดีดตัวสู่ระดับ 92.0
ดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. โดยสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 91.8 และสูงกว่าระดับ 91.3 ของเดือนพ.ย.