ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0958 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0900 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.4370 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4255 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 118.78 เยน จาก 118.70 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0133 ฟรังก์ จาก 1.0141 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7077 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7035 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 5.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยการดิ่งลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนโดยรวมของสหรัฐจะลดลงเพียง 0.7% ในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์ระบุว่า ข้อมูลยอดสั่งซื้อที่น่าผิดหวังได้หนุนมุมมองที่ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างอ่อนแรง อันเนื่องมาจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ซบเซา ซึ่งอาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปจากเดิมที่ได้มีการส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยน ก่อนจะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันนี้ ซึ่งคาดกันว่าที่ประชุมจะมีการหารือกันถึงความจำเป็นในการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับความปั่นป่วนในตลาดการเงิน
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างก็จับตาดูตัวเลขประมาณการครั้งแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐช่วงไตรมาส 4/2558 ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐ