ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0909 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0901 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4414 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4438 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.17 เยน จาก 121.09 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0208 ฟรังก์ จาก 1.0187 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7049 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7101 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันที่ร่วงลงต่อเนื่องเป็นวันสองติดต่อกันตอกย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เนื่องจากอาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลงสำหรับน้ำมันและภาวะซบเซาของเศรษฐกิจทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่า รัสเซียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. รวมทั้งรายงานจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.74 ดอลลาร์ หรือ 5.5% ปิดที่ 29.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
การดิ่งลงต่อเนื่องของราคาน้ำมันส่งผลให้เกิดกระแสการเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง นักลงทุนจึงเทขายดอลลาร์สหรัฐเพื่อมาถือครองสกุลเงินที่มีความปลอดภัย ซึ่งได้ช่วยหนุนสกุลเงินเยนและยูโร