ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1092 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0909 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.4598 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4414 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.72 เยน จาก 120.17 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0052 ฟรังก์ จาก 1.0208 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7178 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7049 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวย่ำแย่ หลังจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคบริการของสหรัฐได้ชะลอตัวลงในเดือนม.ค. โดยดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 53.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 55.8 ในเดือนธ.ค. และยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 55.1
ข้อมูลภาคบริการที่น่าผิดหวังของสหรัฐได้หนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบสำหรับดอลลาร์
ขณะเดียวกัน การแสดงความเห็นของนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ก็ได้กดดันดอลลาร์สหรัฐด้วย โดยเขากล่าวว่า สภาวะทางการเงินมีความตึงตัวอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. และเฟดจะต้องพิจารณาปัจจัยดังกล่าวในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. หากภาวะดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป
นายดัดลีย์ยังระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
คำกล่าวของนายดัดลีย์เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. หลังจากมีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว
นักวิเคราะห์มองว่า ความเห็นของนายดัดลีย์ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ บ่งชี้ว่าเฟดอาจจะไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ