ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1338 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1272 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4472 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4529 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 112.21 เยน จาก 113.76 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9711 ฟรังก์ จาก 0.9732 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7096 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7108 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลง เนื่องจากการทรุดลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์นี้ส่งผลให้นักลงทุนเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างสกุลเงินเยน
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แถลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ว่า การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลกได้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ก็ยังเป็นการเร็วเกินไปที่จะรู้ว่าความเสี่ยงเหล่านั้นมีความรุนแรงมากพอที่จะทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
นางเยลเลนระบุว่า เฟดจะทำการพิจารณาในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค.ว่า มีความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ และตลาดทั่วโลกที่ทรุดตัวลงมากเท่าใดที่ได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของสหรัฐ
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังยอมรับว่า เฟดมีความประหลาดใจต่อการทรุดตัวลงอย่างมากของราคาพลังงาน และการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ นางเยลเลนกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยระบุว่า ปัจจัยจากสภาวะที่ตึงตัวในตลาดการเงินที่มีสาเหตุจากการดิ่งลงของราคาหุ้น, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และการประเมินความเสี่ยงด้านสินเชื่อในระดับโลก อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐให้อ่อนแอลง
คำแถลงดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกรอบเกือบ 10 ปีในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว