ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0865 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0883 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.3962 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3916 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 114.06 เยน จาก 112.83 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9998 ฟรังก์ จาก 0.9990 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7181 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7140 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนเทขายเงินเยนจากมุมมองที่ว่าเยนปรับตัวขึ้นมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการปรับตัวดีกว่าคาดในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 49.5 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 เพิ่มขึ้นจากระดับ 48.2 ในเดือนม.ค. ขณะที่ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ 48.5 ในเดือนก.พ.
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.14 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 หลังจากที่ในเดือนธ.ค. การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.
ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนเทขายยูโรก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดกันว่า ECB จะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม