ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1010 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1007 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นที่ 1.4221 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4214 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 113.33 เยน จาก 112.57 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9970 ฟรังก์ จาก 0.9963 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7511 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7445 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของ ECB ในวันนี้ (10 มี.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมวันนี้ (10 มี.ค.) โดยคาดว่า ECB อาจทำการเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งขณะนี้มีวงเงินอยู่ที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน
นอกจากนี้ คาดว่า ECB อาจทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่นำเงินมาฝากไว้ที่ ECB จากขณะนี้ที่ระดับ -0.3% โดยธนาคารพาณิชย์จะต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวของ ECB มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB และต้องการลดการออมของประชาชน เพื่อให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น และกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2%
สต็อกสินค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว โดยมีระดับสูงกว่าอุปสงค์ ขณะที่สต็อกก็ยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้มีความเสี่ยงในช่วงขาลง