สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักเมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่งได้กระตุ้นกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้
เงินยูโรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1283 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1388 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.4214 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4266 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะ 0.7656 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7679 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 109.29 เยน จากระดับ 108.60 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9670 ฟรังก์ จากระดับ 0.9555 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดา แตะที่ 1.2815 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2760 ดอลลาร์แคนาดา
สกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 18.7% เทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวลง 1.7% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าเดือนมี.ค.ทั้งสิ้น 1.946 แสนล้านหยวน (2.99 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงจากเดือนก.พ.ที่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน
รายงานของ GAC ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนปรับตัวลง 5.9% สู่ระดับ 5.2 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดส่งออกปรับตัวลง 4.2% และยอดนำเข้าลดลง 8.2% สำหรับยอดเกินดุลการค้าในไตรมาสแรกอยู่ที่ 8.102 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.5% เทียบรายปี
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่สดใสบ่งชี้ถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอาจจะเปิดโอกาสให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงก่อนถึงกลางปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน