สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวผันผวนเมื่อเทียบสกุลเงินหลักๆเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) โดยแข็งค่าเทียบยูโร-ปอนด์ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน
เงินยูโรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1267 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1283 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.4155 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4214 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7702 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7656 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 109.26 เยน จากระดับ 109.29 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9667 ฟรังก์ จากระดับ 0.9670 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดา แตะที่ 1.2844 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2815 ดอลลาร์แคนาดา
สำหรับดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับเงินสกุลหลักในตะกร้าเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% แตะ 94.82
ดอลลาร์ได้รับแรงกดดัน หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของราคาอาหาร, เวชภัณฑ์ และที่อยู่อาศัย ถึงแม้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบรายปี
การเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดของดัชนี CPI บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงมีท่าทีระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
อย่างไรก็ดี กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งใหม่ลดลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 253,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 1973