สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) หลังจากเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1378 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1429 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.4447 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4461 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะระดับ 0.7326 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7384 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 109.06 เยน จากระดับ 108.46 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9703 ฟรังก์ จากระดับ 0.9708 ฟรังก์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า ตลาดการเงินกำลังประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับช่วงจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และมองในแง่ลบมากเกินไปเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
นายโรเซนเกรนกล่าวเสริมว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ราคานำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังเพิ่มขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนมี.ค. ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน และสินค้าอื่นๆปรับตัวขึ้น ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน