สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากชาวอังกฤษลงมติสนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1296 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1261 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.4225 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4257 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7392 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7380 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 106.18 เยน จากระดับ 106.71 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9640 ฟรังก์ จากระดับ 0.9639 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2791 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2765 ดอลลาร์แคนาดา
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ เพื่อประเมินว่าเฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อไหร่
เงินปอนด์ร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากชาวอังกฤษลงมติสนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
นายปาเรช ดาฟดรา นักวิเคราะห์จากเรชั่นแนล เอฟเอ็กซ์ คาดการณ์ว่า วันที่ 24 มิ.ย. จะเป็นวันที่ปอนด์แกว่งตัวรุนแรงอย่างมาก โดยขึ้นอยู่กับผลการลงประชามติเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.
ผลสำรวจของ YouGov ระบุว่า ผู้ที่ต้องการให้อังกฤษออกจาก EU มีจำนวน 43% ขณะที่ฝ่ายที่ต้องการให้อยู่ใน EU มีจำนวน 42% ส่วนผลการสำรวจออนไลน์ของหนังสือพิมพ์ อินดิเพนเดนท์ ระบุว่า ผู้ที่เชื่อว่าอังกฤษควรออกจาก EU มีจำนวน 55% ขณะที่ผู้ที่ต้องการให้อยู่ใน EU มีจำนวน 45%