สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะเดียวกันตลาดก็ยังวิตกกังวลเรื่องการลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
เงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1285 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1239 ดอลลาร์สหรัฐ ด้านเงินปอนด์ก็แข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ 1.4369 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.4233 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.7400 ดอลลาร์สหรัฐ 0.7371 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบเยน แตะ 104.19 เยน จาก 104.38 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส สู่ระดับ 0.9593 ฟรังก์สวิส จาก 0.9647 ฟรังก์สวิส
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากที่เฟดได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยระบุว่าการจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชนชะลอตัวลง นอกจากนั้นยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.0% จากระดับ 2.2% ที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค.
เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวันพุธ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของการลงประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยผลการสำรวจระบุว่า ผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจะมีคะแนนสงสารไหลเข้าสู่กลุ่มที่ต้องการอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไป หลังจากที่นางโจ ค็อกซ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติสังกัดพรรคแรงงานอังกฤษ ผู้สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในสหภาพยุโรป ได้ถูกยิงเสียชีวิต