สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) หลังผลโพลล์บ่งชี้ว่า ฝ่ายที่สนับสนุนให้อังกฤษยังคงเป็นสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปนั้น มีคะแนนนำฝ่ายที่สนับสนุนให้แยกตัว
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1313 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1285 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4674 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4369 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7458 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7400 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 103.93 เยน จากระดับ 104.19 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9627 ฟรังก์ จากระดับ 0.9593 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2809 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2864 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากผลสำรวจระบุว่า ชาวอังกฤษที่สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่ในสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปนั้น มีมากกว่าผู้ที่สนับสนุนให้แยกตัวออกจาก EU โดยผลสำรวจดังกล่าวช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับกรณี Brexit ก่อนที่การลงประชามติจะมีขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ผลสำรวจที่จัดทำขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยยูกอฟ (YouGov) บริษัทจัดทำผลสำรวจความคิดเห็นชั้นนำ เผยให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสำรวจ 44% สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่กับ EU ต่อไป ขณะที่ 43% สนับสนุนให้ออกจาก EU
ขณะเดียวกันผลสำรวจความคิดเห็นโดยหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ เดอะ เมล์ ที่จัดทำขึ้นในวันศุกร์และวันเสาร์นั้น พบว่า 45% สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่ใน EU ต่อไป และ 42% สนับสนุนให้ออกจาก EU
โพลล์จากทั้งสองสำนักมีขึ้นก่อนหน้าที่การลงประชามติจะเปิดฉากในวันพฤหัสบดี และมีขึ้นหลังการฆาตกรรมนางโจ ค็อกซ์ ส.ส.พรรคแรงงาน ซึ่งสนับสนุนไม่ให้สหราชอาณาจักรแยกตัวจาก EU
เดอะ เมล์ เผยในหนังสือพิมพ์ฉบับวันอาทิตย์ว่า โพลล์ล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายสนับสนุนการแยกตัวมีคะแนนหายไป 3% นับตั้งแต่เกิดเหตุฆาตกรรมส.ส.ฝ่านค้านเมื่อวันพฤหัสบดี