เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกลับมาซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นเงินปอนด์ ในขณะความต้องการถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มลดน้อยลง
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1108 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1046 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3430 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3321 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7438 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7361 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 102.56 เยน จากระดับ 102.77 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9798 ฟรังก์ จากระดับ 0.9832 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2980 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3061 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
ทั้งนี้ เงินปอนด์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัย Brexit โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เฟดพร้อมที่จะอัดฉีดดอลลาร์เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาด หลังจากอังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารกลางญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการทุกๆด้านเพื่อจำกัดผลกระทบของ Brexit ส่วนประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางทั่วโลกกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากภาวะอ่อนแอ