สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) หลังจากนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปฏิเสธที่จะใช้นโยบาย "helicopter money" หรือการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบการเงิน
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1017 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1005 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3203 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3148 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7489 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7475 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 105.90 เยน จากระดับ 106.86 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9865 ฟรังก์ จากระดับ 0.9875 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3081 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3062 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากนายคุโรดะเปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเขาเองนั้นไม่มีความสนใจที่จะใช้นโยบาย "helicopter money" ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งที่ทางธนาคารกลางสามารถนำมาใช้ ผ่านการจัดพิมพ์ธนบัตรจำนวนมากและเปิดช่องทางการปล่อยกู้ให้ประชาชนนำไปใช้จ่าย โดยให้เหตุผลไว้ว่ายังไม่มีความจำเป็นในการใช้นโยบายดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติญี่ปุ่นยังเน้นย้ำว่า เขามีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาเงินฝืด และหากจำเป็นจริงๆก็อาจมีการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 253,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนมิ.ย.พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013