สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 101.57 เยน จากระดับ 101.40 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9733 ฟรังก์ จากระดับ 0.9714 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3117 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3124 ดอลลาร์แคนาดา
เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1217 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1230 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ระดับ 1.2859 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2972 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7674 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7663 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นแตะระดับ 51.5 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.4 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 50.3
ดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัว หลังจากที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนส.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
ส่วนเงินปอนด์ร่วงลงหลังนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า เธอจะเริ่มกระบวนการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) อย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.2560
อย่างไรก็ดี นางเมย์ยังไม่ได้ระบุถึงวันที่แน่นอนในการใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้สำหรับประเทศสมาชิกที่ต้องการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของกลุ่ม