สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนสกุลเงินดอลลาร์เช่นกัน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.0827 ดอลลาร์สหรัฐ จากวันพฤหัสบดีที่ระดับ 1.0927 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับ 1.2226 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2251 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7596 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7629 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 103.85 เยน จากระดับ 103.98 เยน และแข็งค่าขึ่นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9948 ฟรังค์ จากระดับ 0.9930 ฟรังค์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ โดยนายวิลเลียมส์ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของสมาคมธนาคารเพื่อการปล่อยกู้ซื้อบ้านเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรเริ่มดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยควรเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
ขณะที่นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า เฟดใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายนโยบายทางการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงหนุนจากข้อมูลด้านตลาดที่อยู่อาศัยอันแข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.47 ล้านยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.35 ล้านยูนิต
ส่วนสกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB อาจจะขยายระยะเวลาในการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา