สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในทิศทางแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักๆเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) อย่างไรก็ตาม ดัชนีดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 9 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0876 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0867 ดอลลาร์สหรัฐ ปอนด์อ่อนค่าสู่ระดับ 1.2215 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2226 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.7601 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7596 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 104.27 เยน จากระดับ 103.85 เยน อ่อนค่าลงเมื่อเทียงฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9942 ฟรังก์ จากระดับ 0.9948 ฟรังก์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3378 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3337 ดอลลาร์แคนาดา
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งวัดการเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับอีก 6 สกุลเงินหลัก เพิ่มขึ้น 0.13% อยู่ที่ 98.821 ในช่วงท้ายการซื้อขายเมื่อคืนนี้ หลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ โดยนายวิลเลียมส์ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของสมาคมธนาคารเพื่อการปล่อยกู้ซื้อบ้านเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรเริ่มดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยควรเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
ขณะที่นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า เฟดใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายนโยบายทางการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้