สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอย่างผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากกระแสการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. แต่ก็ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
เงินยูโรแข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1119 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1104 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ก็แข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐแตะ 1.2505 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.2460 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าสู่ระดับ 0.7677 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 0.7680 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเยน แตะที่ 103.15 เยน จากระดับ 103.00 เยน แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9698 ฟรังก์ จาก 0.9744 ฟรังก์
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 161,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หรือ 0.4% ในเดือนต.ค. จากตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% ซึ่งหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตัวเลขรายได้ดังกล่าวจะพุ่งขึ้น 2.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีครึ่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 191,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 167,000 ตำแหน่ง
นักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในเดือนต.ค.ที่ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งรายได้ต่อชั่วโมงของแรงงานที่พุ่งขึ้น และการปรับเพิ่มตัวเลขจ้างงานในเดือนก.ย. จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังผลสำรวจบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน สูสีกันมาก