ดอลลาร์พุ่งกว่า 1% ทะลุระดับ 113 เยน หลังการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง
ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ทะยานขึ้น 1.13% สู่ระดับ 113.19 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.88% สู่ระดับ 119.82 เยน และร่วงลง 0.24% สู่ระดับ 1.0588 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.44% สู่ระดับ 101.61
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของจีดีพีประจำไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.2% โดยสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.9% จากแรงหนุนของการส่งออก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีประจำไตรมาส 3 จะอยู่ที่ระดับ 3.0%
การขยายตัวที่ระดับ 3.2% ในไตรมาส 3 ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2014 หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐมีการเติบโต 1.4% ในไตรมาส 2 และ 0.8% ในไตรมาส 1
การส่งออกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 10.1% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2013 และช่วยหนุนตัวเลขจีดีพีคิดเป็นสัดส่วน 0.87% จากที่ช่วยหนุนเพียง 0.18% ในไตรมาส 2
การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.8% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับระดับ 4.3% ในไตรมาส 2
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันพรุ่งนี้ และการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลีในวันอาทิตย์นี้
ทั้งนี้ นักลงทุนไม่มั่นใจต่อผลการประชุมของกลุ่มโอเปกในวันพรุ่งนี้ หลังผู้เชี่ยวชาญของโอเปกได้สิ้นสุดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวานนี้ โดยไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิต และรัสเซียปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการประชุมพรุ่งนี้
โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานระบุว่า สมาชิกโอเปกจะเผชิญกับการเจรจาต่อรองอย่างหนักในการประชุมอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน
"ถึงแม้สมาชิกมีความเห็นพ้องกันอย่างกว้างๆ ถึงความจำเป็นในการลดการผลิต แต่ปัจจัยทางการเมือง และการเจรจาแบ่งโควตาการผลิตเป็นรายประเทศ จะทำให้ที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้" รายงานระบุ
"หากไม่มีการบรรลุข้อตกลง เราคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจนถึงครึ่งปีแรกของปีหน้า จะทำให้ราคาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 45 ดอลลาร์/บาร์เรลจนถึงช่วงฤดูร้อนปีหน้า"
โกลด์แมน แซคส์ยังระบุว่า แต่ถ้าโอเปกบรรลุข้อตกลงลดการผลิตน้ำมันสู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจาก 33.82 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนต.ค. ราคาน้ำมันดิบก็จะดีดตัวขึ้นทะลุกรอบ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายมีแกน กรีน หัวหน้านักวิเคราะห์ของแมนูไลฟ์ แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า การลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญในอิตาลีในวันอาทิตย์นี้ จะส่งผลให้เกิดวิกฤตธนาคารอีกครั้งหนึ่งในยุโรป
"ในความเห็นของผม ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ภาคธนาคาร มากกว่าในภาคการเมือง แม้ว่าจะเกิดภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองขึ้นบ้าง" เขากล่าว
ทั้งนี้ ชาวอิตาลีจะออกมาใช้สิทธิลงประชามติว่าจะเห็นชอบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันอาทิตย์นี้ แต่คนส่วนใหญ่มองว่าการลงประชามตินี้ จะเป็นการลงคะแนนวัดกระแสความไว้วางใจของประชาชนต่อนายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ซึ่งได้ประกาศเดิมพันอนาคตทางการเมืองของเขา โดยยืนยันว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง และล้างมือทางการเมือง หากประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
ผลการสำรวจพบว่า ชาวอิตาลีจะลงประชามติไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลให้นายเรนซีต้องลาออกจากตำแหน่งตามที่เขาเคยสัญญาไว้ และจะทำให้เกิดการพลิกขั้วอำนาจทางการเมืองไปสู่พรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุนการแยกตัวออกจากยูโรโซน ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพทางการเงิน และทางการเมืองในอิตาลี