ไอเอ็นจี กรุ๊ป ออกรายงานระบุว่า ความแตกต่างกันระหว่างนโยบายการเงินของสหรัฐและยุโรปจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์และยูโรอยู่ที่ระดับ 1:1 ในที่สุด
เมื่อวานนี้ ยูโรดิ่งลงแตะระดับ 1.0364 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2003 ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ระดับ 1.0357
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้นโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐทีการขยายตัวมากขึ้น
ในทางกลับกัน ธนาคารกลางยูโรป (ECB) ประกาศว่าจะยังคงอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 5.4 แสนล้านยูโรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหภาพยุโรป
นักวิเคราะห์จากไอเอ็นจีระบุว่า จากการที่ยุโรปยังคงประสบปัญหาในการกระตุ้นเงินเฟ้อที่ถูกกดดันอยู่ในระดับต่ำ และจากการที่ยูโรดิ่งลงทะลุระดับ 1.03 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ทำให้ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มที่จะแตะระดับ 1.00 ดอลลาร์
ฝ่ายวิเคราะห์ของบริษัทยูนิเครดิตระบุว่า ถึงแม้ว่าแรงขายยูโรในขณะนี้ดูเหมือนว่าจะมากเกินไป แต่การที่ตลาดจะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในช่วงคริสต์มาส ก็จะส่งผลให้ยูโรปรับตัวลงมากขึ้น ขณะที่ถูกกดดันจากสภาพคล่องในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ
หากยูโรทรุดตัวลงแตะระดับ 1.00 ดอลลาร์ก่อนช่วงสิ้นปีนี้ สถิติในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ปัจจัยดังกล่าวจะฉุดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงมากกว่า 1%