สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่สั่งระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.69 เยน จากระดับ 115.08 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9953 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9995 ฟรังก์สวิส
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0693 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0696 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2482 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2555 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7552 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7551 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ได้รับปัจจัยจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยออกมาทั้งในด้านบวกและด้านลบเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ เพิ่มขึ้นตามคาดในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.
ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 5.02 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.3% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.
ส่วนการออมของผู้บริโภคลดลงสู่ระดับ 7.684 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2015 จากระดับ 7.912 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน
นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.โดยเอสแอนด์พี/เคสชิลเลอร์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.โดย Conference Board