ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร และสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) หลังที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมากล่าวโจมตีเยอรมนีว่ากำลังใช้ยูโรที่อ่อนค่าเกินความเป็นจริง เพื่อสร้างความได้เปรียบต่อสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้และจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาในสหรัฐ
ค่าเงินยูโรทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0801 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0693 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2580 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2482 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7584 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7552 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.76 เยน จากระดับ 113.69 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส 0.9888 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9953 ฟรังก์สวิส
ยูโรพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงหลังนายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาของปธน.ทรัมป์ และหัวหน้าสภาการค้าแห่งชาติสหรัฐ ระบุว่า เยอรมนีกำลังใช้ยูโรที่อ่อนค่าเกินความเป็นจริง เพื่อสร้างความได้เปรียบต่อสหรัฐ และคู่ค้าในสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ นายนาวาร์โรกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สว่า สกุลเงินยูโรมีบทบาทเหมือนสกุลเงินดอยช์มาร์คโดยปริยาย ซึ่งการมีมูลค่าต่ำได้ทำให้เยอรมนีมีความได้เปรียบเหนือคู่ค้าอื่นๆ
ณ เวลา 22.34 น.เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 1.27% สู่ระดับ 112.31 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.39% สู่ระดับ 121.16 เยน และดีดตัวขึ้น 0.86% สู่ระดับ 1.0784 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.77% สู่ระดับ 99.594
ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากการที่ทรัมป์ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารจากอุตสาหกรรมยาเมื่อวานนี้ โดยเขาเรียกร้องให้บริษัทยาลดราคายาลงและหันมาเพิ่มการผลิตในสหรัฐ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาบริษัทยาของสหรัฐไปตั้งฐานผลิตในต่างประเทศ เนื่องจากประเทศอื่นๆได้ลดค่าเงินลง โดยทรัมป์ยังกล่าวหาจีนและญี่ปุ่นว่าจงใจลดค่าเงินของประเทศ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า
ภาวะการซื้อขายในตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดย Conference Board เปิดเผยผลสำรวจว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 111.8 ในเดือนม.ค. หลังจากพุ่งแตะระดับ 113.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะแตะระดับ 113.0 ในเดือนม.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี
ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ด้านนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 165,000 - 170,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 5%