สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) ด้วยแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะตัวเลขประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ของสหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐในช่วงเช้าวันนี้เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.02 เยน จากระดับ 112.83 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0036 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0098 ฟรังก์สวิส
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0604 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0582 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2413 ดอลลาร์จากระดับ 1.2434 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7674 ดอลลาร์จากระดับ 0.7671 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าลง หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของการขยายตัวจีดีพีประจำไตรมาส 4/2559 อยู่ที่ระดับ 1.9% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.1% และเมื่อพิจารณาทั้งปี 2559 จีดีพีสหรัฐมีการขยายตัวเพียง 1.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2554 และลดลงจากระดับ 2.6% ในปี 2558
ขณะที่ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.6% ในเดือนม.ค. แตะระดับ 6.922 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 6.44 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าและการบริการปรับตัวลง 0.3% และยอดนำเข้าสินค้าและการบริการพุ่งขึ้น 2.3%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนปธน.ทรัมป์จะแถลงต่อสภาคองเกรสในระหว่างการประชุมร่วมระหว่างวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมไปถึงนโยบายจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าข้ามชายแดน, การปฏิรูปกฎหมายประกันสุขภาพที่เรียกว่า "โอบามาแคร์", การยกเลิกกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรม และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค ตลอดจนการใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมครั้งใหญ่
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.โดยมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนม.ค. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)