ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบเงินสกุลหลัก รับกระแสคาดการณ์เฟดขึ้นดบ.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 114.55 เยน จากระดับ 113.69 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0145 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0084 ฟรังก์สวิส

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0497 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0553 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2251 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2301 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงที่ระดับ 0.7559 ดอลลาร์จากระดับ 0.7676 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนให้แข็งค่าขึ้นจากกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเดือนนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนออกมาส่งสัญญาณดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ซึ่งกล่าวเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรขึ้นดอกเบี้ย "เร็วๆนี้" เนื่องจากเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง

คำกล่าวของนางเบรนาร์ด สอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ซึ่งสนับสนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้เช่นกัน

นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่ Executives' Club of Chicago ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยที่นักวิเคราะห์คาดว่า นางเยลเลนอาจจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนเชื่อว่ามีโอกาสสูงถึง 78% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. และมีโอกาส 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับตัวลง 19,000 ราย สู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ก.พ. ซึ่งเป็นจำนวนน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2516 หรือในรอบเกือบ 44 ปี

นอกเหนือจากการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลนแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.โดยมาร์กิต และดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)