ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังผลการเลือกตั้งในสหราชอาณาจักร บ่งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ณ เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ดีดตัว 0.65% สู่ระดับ 110.68 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.36% สู่ระดับ 123.75 เยน และร่วงลง 0.28% สู่ระดับ 1.1181 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.50% สู่ระดับ 97.40
ส่วนปอนด์ยังคงอ่อนค่าในวันนี้ หลังจากค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พรรคอนุรักษ์นิยมจะไม่ได้ครองเสียงข้างมากในรัฐสภา
ณ เวลา 22.08 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ดิ่งลง 1.66% อยู่ที่ระดับ 1.2736 ดอลลาร์
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฎว่า พรรคอนุรักษ์นิยมได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 319 ที่นั่ง ลดลง 11 ที่นั่ง จากเดิมที่ได้ 330 ที่นั่ง ส่วนพรรคแรงงานได้ 261 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 29 ที่นั่ง จากเดิมที่ได้ 232 ที่นั่ง ขณะที่พรรคชาตินิยมสกอตแลนด์ (SNP) ได้ 35 ที่นั่ง และพรรค Lib Dems ได้ 12 ที่นั่ง ส่วนพรรค Democratic Unionist Party (DUP) ได้ 10 ที่นั่ง
ผลการนับคะแนนดังกล่าวบ่งชี้ว่าอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะที่ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภา โดยพรรคการเมืองจะต้องได้ที่นั่งอย่างน้อย 326 ที่นั่งจากทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร จึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้
ล่าสุด นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยจะร่วมกับพรรค Democratic Unionist Party (DUP) ของไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งการที่พรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งได้ 319 ที่นั่ง จับมือกับพรรค DUP ซึ่งมี 10 ที่นั่ง จะทำให้เกิดรัฐบาลผสมที่มี 329 ที่นั่ง โดยมีจำนวนที่นั่งเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรอย่างฉิวเฉียด
นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่า คำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เมื่อวานนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ