ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบกับเงินสกุลหลัก หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 15, 2017 06:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆเกือบทั้งหมด ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2558

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1217 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1205 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2748 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2646 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลีย แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7585 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7539 ดอลลาร์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 109.64 เยน จากระดับ 109.97 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9719 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9686 ฟรังก์สวิส

ดอลลาร์อ่อนค่าลงภายหลังจากที่ประชุมเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเฟดยังส่งสัญญาณเกี่ยวกับแผนการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟด ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน และช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับทิศทางด้านนโยบายการเงินของเฟด

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 8-1 เสียง เห็นพ้องให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน ซึ่งเฟดคาดว่าจะแตะระดับดังกล่าวในปี 2018

นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลในปีนี้ หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ ซึ่งการปรับลดงบดุลของเฟด จะส่งผลให้เฟดลดการถือครองพันธบัตร และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ที่เฟดได้เข้าซื้อในตลาดในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

เฟดระบุว่า ในเบื้องต้นเฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่ระดับ 6 พันล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองพันธบัตรอีก 6 พันล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาสในช่วงระยะเวลา 12 เดือน จนกระทั่งแตะระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ