สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย.
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1339 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1191 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2800 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2715 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7592 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7588 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 112.15 เยน จากระดับ 111.70 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9601 ฟรังก์ จากระดับ 0.9717 ฟรังก์
สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยระบุว่า ECB ควรปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ นายดรากียังส่งสัญญาณในความพร้อมที่จะเริ่มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ส่วนดอลลาร์ได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่ง จากรายงานของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 118.9 จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 117.6 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ British Academy กรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า การปฏิรูปด้านการธนาคาร ได้ช่วยทำให้ระบบการเงินมีความปลอดภัยมากขึ้น และประเทศต่างๆจะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008 พร้อมกับกล่าวว่า ผู้กำกับภาคธนาคารทำหน้าที่ดีขึ้นในการค้นหาความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน และเธอคาดหวังว่า วิกฤตการณ์ครั้งใหม่จะไม่เกิดขึ้นอีกในช่วงอายุของคนในสมัยนี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเบื้องต้นเดือนพ.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.