ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินยูโร-ปอนด์แข็งค่าเทียบดอลล์ หลังตลาดคาด ECB-BoE เล็งคุมเข้มนโยบายการเงิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 29, 2017 07:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินยูโรและปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) โดยยูโรได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งทำให้ตลาดการเงินเข้าใจว่า เขากำลังส่งสัญญาณที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น แม้ว่าเจ้าหน้าที่ ECB ได้ออกมาชี้แจงในภายหลังว่า นายดรากีไม่ได้ส่งสัญญาณเช่นนั้นก็ตาม ขณะที่สกุลเงินปอนด์ได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้กล่าวถึงความจำเป็นที่อังกฤษจะต้องยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงิน

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1382 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1339 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2936 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2800 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลีย แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7638 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7592 ดอลลาร์

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.32 เยน จากระดับ 112.15 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9596 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9601 ฟรังก์สวิส

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.39% สู่ระดับ 96.016 เมื่อคืนนี้

ยูโรแข็งค่าขึ้นจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ซึ่งทำให้ตลาดการเงินเข้าใจว่า เขากำลังส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน แต่เจ้าหน้าที่ ECB ได้ออกมาชี้แจงว่า นายดรากีมีความตั้งใจที่จะสื่อว่า ECB สามารถผ่อนปรนสำหรับการมีเงินเฟ้อในระดับต่ำในช่วงเวลาระยะหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการส่งสัญญาณว่า ECB ใกล้ที่จะใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินแล้ว

ส่วนสกุลเงินปอนด์ได้รับปัจจัยหนุนภายหลังจากนายคาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE กล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินมีความอดทนที่จำกัดต่อเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมาย

นายคาร์นีย์ กล่าวเสริมด้วยว่า ความพร้อมของ BoE ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะขึ้นอยู่กับว่า ความอ่อนแอของการบริโภคมากน้อยเพียงใดที่จะถูกชดเชยจากการลงทุนในภาคธุรกิจ รวมทั้งค่าแรง, ต้นทุนแรงงานต่อหน่วย และการปรับตัวของเศรษฐกิจอังกฤษต่อการเจรจาแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit)

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าระหว่างประเทศอยู่ที่ระดับ 6.59 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. ลดลง 1.2 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 6.71 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.

ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 0.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เพราะได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น และสต็อกบ้านในระดับต่ำ

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ