ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเทียบเยนในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจประจำไตรมาส 1
ณ เวลา 20.16 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.48% สู่ระดับ 112.82 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.74% สู่ระดับ 128.68 เยน และดีดตัวขึ้น 0.26% สู่ระดับ 1.1406 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.08% สู่ระดับ 95.93
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 1.4% โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.2%
การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1 ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการส่งออกที่พุ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีประจำไตรมาส 1 ครั้งที่ 1 ที่ระดับ 0.7% ก่อนที่จะปรับเพิ่มในประมาณการครั้งที่ 2 สู่ระดับ 1.2%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว หลังจากที่พุ่งขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2014 และมีการเติบโต 1.4% ในไตรมาส 2 และ 0.8% ในไตรมาส 1
ขณะเดียวกัน ปอนด์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.30 ดอลลาร์ในวันนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน
ณ เวลา 20.16 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ดีดตัว 0.38% อยู่ที่ 1.2973 ดอลลาร์ หลังจากพุ่งแตะ 1.3007 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้
นายแอนดี ฮาลเดน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ BoE เรียกร้องในวันนี้ให้ BoE พิจารณาอย่างจริงจังต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
คำกล่าวของนายฮาลเดนสอดคล้องกับที่เขาเคยกล่าวก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ว่า BoE ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้
ทางด้านนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE กล่าวส่งสัญญาณถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงินเมื่อวานนี้
นายคาร์นีย์กล่าวว่า มีแนวโน้มที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังขยายตัวใกล้เต็มศักยภาพ โดย BoE จะหารือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายคาร์นีย์ยังกล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินมีความอดทนที่จำกัดต่อเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมาย
เขายังระบุว่า อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกสามารถปรับตัวขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกได้แข็งแกร่งขึ้น