ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่าเทียบเงินสกุลหลัก หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 27, 2017 06:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆเกือบทั้งหมด ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) ภายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเมื่อวานนี้

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1700 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1649 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3094 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3034 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7972 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7936 ดอลลาร์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 111.44 เยน จากระดับ 111.82 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9530 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9513 ฟรังก์สวิส

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.33% สู่ระดับ 93.739 เมื่อคืนนี้

สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ภายหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ขณะเดียวกันเฟดได้ส่งสัญญาณที่จะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

แถลงการณ์เฟดระบุว่า "ทางคณะกรรมการคาดหวังว่าจะเริ่มทำการปรับงบดุลเข้าสู่ภาวะปกติ 'ในไม่ช้า' โดยขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้"

ทั้งนี้ เฟดได้เปลี่ยนแปลงการใช้ถ้อยคำในแถลงการณ์จากเดิมที่ใช้คำว่า 'ในปีนี้' เป็น 'ในไม่ช้า' ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นการบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดงบดุลในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งต่อไป

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 610,000 ยูนิต ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ปรับตัวลง

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอแค่ถึงเดือนก.ย. จึงขอเรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในเดือนหน้า เพื่อให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ พร้อมระบุว่า สถานการณ์ในขณะนี้กำลังส่งผลกระทบต่อเงินของผู้เสียภาษีสหรัฐ ซึ่งอาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงิน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ