สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) สืบเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1778 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1828 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2964 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3022 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7853 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7902 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 108.22 เยน จากระดับ 108.97 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9723 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9612 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.42% สู่ระดับ 93.462 เมื่อคืนนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดได้คลายความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ดอลลาร์ และเทขายเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และนายจิม แมททิส รมว.กลาโหมสหรัฐ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี
ทั้งนี้ นายทิลเลอร์สัน และนายแมททิสได้ระบุในบทความที่มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลฉบับวานนี้ว่า "สหรัฐไม่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ หรือเร่งกระบวนการรวมชาติเกาหลี"
ส่วนนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) กล่าวว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ อาจทำการทดลองยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ แต่การกล่าวถึงความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ อาจเป็นคำกล่าวที่เกินความจริง
"ผมยังไม่ได้รับข่าวกรองที่แสดงว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว" เขากล่าว
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีราคานำเข้า-ส่งออกเดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)